เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองเสฉวน ผู้เสียเมืองให้แก่ญาติ (เล่าปี่)
เล่าเจี้ยงเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นเหมือนเล่าปี่ ปกครองดินแดนเสฉวนต่อจากบิดา เล่าเอี๋ยน
ว่ากันว่า สกุลของเล่าเจี้ยงได้เสฉวนเหมือนได้ของขวัญจากฟากฟ้า นั่นก็คือดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยพืชธัญญาหาร เสฉวนตั้งอยู่ทางตะวันตกของจีน มีเมืองเอกชื่อเฉิงตู มีภูมิประเทศสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยภูเขา เป็นปราการธรรมชาติป้องกันข้าศึก
ดินแดนเสฉวนนับเป็นชัยภูมิที่ดี เพราะตั้งอยู่บนพื้นที่ของแม่น้ำ 3 สายมาบรรจบกัน คือ แม่น้ำแยงซีเกียง, แม่น้ำหลินเจียง และ แม่น้ำจินซางเจียง ทำให้มีหมอกปกคลุมเป็นปกติ จนได้รับฉายาว่า เมืองในหมอก
ตามจดหมายเหตุประวัติศาสตร์สามก๊กของตันซิ่วนั่น กล่าวว่าเล่าเจี้ยงเป็นเจ้าเมืองที่ดี แต่ขาดความเป็นผู้นำ เพราะเป็นคนโลเลและใช้คนไม่เป็น อีกทั้งยังไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน อาศัยเพียงบารมีเก่าจากบิดา สืบทอดบ้านเมือง
ครั้งเสฉวนมีภัย เกิดความบาดหมางระหว่างเล่าเจี้ยงกับเตียวล่อ เจ้าเมืองฮันต๋ง ในปี ค.ศ. 208 เล่าเจี้ยงได้ส่งเตียวสงไปขอความช่วยเหลือจากโจโฉ แต่โจโฉเมินเฉยไม่สนใจ ต่อมาจึงไปเชิญเล่าปี่เพื่อหวังให้ช่วยป้องกันบ้านเมือง แต่ก็มีขุนนางมากมายพากันคัดค้าน หนึ่งในนั้นคือ ห้องกวน ได้กล่าวเตือนเจ้านายว่า การเปิดเมืองให้เล่าปี่เข้ามา อาจทำให้เล่าปี่คิดยึดเสฉวนไว้ซะเอง
ไม่เพียง ห้องกวน เท่านั้น ยังมี อองลุย อุยก๋วน ลิอิ๋น และขุนนางอื่นๆอีกมากมายที่พากันดาหน้าเข้ามาคัดค้าน โดยพากันลงความเห็นว่า ความบาดหมางระหว่าง เตียวล่อ และ เล่าเจี้ยง นั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย หากเทียบกับการเชิญเล่าปี่เข้าเมือง เพราะนั้นเท่ากับเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เปิดประตูเชิญเสือเข้าเมือง
ทว่าเล่าเจี้ยงไร้ซึ่งวิสัยทัศน์ เชื่อมั่นในตัวเองสูง แม้จะมีลูกน้องพากันคัดค้านมากมาย ก็ไม่ไตร่ตรองตามเหตุผล อาศัยเพียงความกลัวต่อทัพเตียวล่อ ตัดสินใจทำการใหญ่ หวังพึ่งพาคนอื่น
ฝ่ายเล่าปี่ บังทอง ที่ปรึกษาคนสำคัญก็พยายามโน้มน้าวให้เล่าปี่ยึดอำนาจจากเล่าเจี้ยงหลายต่อหลายครั้ง เพราะเห็นว่าเสฉวนเป็นพื้นที่สำคัญ แต่เล่าปี่ก็ตอบปฎิเสธทุกครั้ง เพราะเล่าเจี้ยงเป็นญาติกับตน อีกทั้งการยึดเมืองโดยไม่มีเหตุ จะทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง กลัวว่าผู้คนจะประณาน ดังคำที่ว่า
“เมื่อไม่มีความชอบธรรม ก็ฟังไม่ขึ้น เมื่อฟังไม่ขึ้น ก็จะแพ้”
กระทั่งเมื่อเล่าปี่เดินทางมายังเสฉวน และช่วยเล่าเจี้ยงทำศึกกับเตียวล่อ ในปี ค.ศ.212 เตียวล่อส่งม้าเฉียวเป็นทัพหน้า เล่าเจี้ยงก็ส่งเล่าปี่ไปรับศึกที่ด่านแฮบังก๋วน เล่าปี่ที่มารบแทนเล่าเจี้ยงเห็นท่าไม่ดี จึงขอทหารและเสบียงไปเสริมกำลังเพิ่ม
แต่คราวนี้เล่าเจี้ยงกลับไขว้เขวตามลูกน้องเสนอ เกรงว่าการส่งกำลังไปช่วย จะเป็นการเสริมกำลังแก่เล่าปี่ หากรบชนะ ในภายภาคหน้าเล่าปี่อาจแว้งกลับมาตีเมืองตน ด้วยโลเลกลับไปกลับมา เล่าเจี้ยงจึงทำการส่งเพียงทหารแก่กับเสบียงอาหารเพียงน้อยนิด อันเป็นการขาดคุณสมบัติของผู้นำที่ว่า “ใช้คนอย่าสงสัย ถ้าสงสัยก็อย่าใช้”
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เล่าปี่โกรธเคืองเล่าเจี้ยงเป็นอย่างมาก ประกอบกับเล่าเจี้ยงมั่นใจได้ว่าเตียงสงกับเล่าปี่ร่วมกันเป็นกบฎ จึงได้สั่งประหารเตียวสงและครอบครัว อันเป็นชนวนเหตุนำไปสู่ความแตกหักของเล่าปี่และเล่าเจี้ยงในที่สุด
ด้วยกลัวว่าเพียงกำลังทหารของตนเองไม่อาจสู้เล่าปี่ได้ จึงส่งหนังสือไปเจรจากับเตียวล่อ อริเก่า เตียวล่อเห็นเป็นโอกาสอันดีในการขยายอำนาจจึงตอบตกลง
ทว่าสุดท้ายม้าเฉียว แม่ทัพฝืมือดีของเตียวล่อก็เข้าสวามิภักดิ์กับเล่าปี่ สุดท้ายเสฉวนก็ถูกเล่าปี่เข้ายึดครอง บรรดาบุคลากรชั้นยอดทั้งหลายของเสฉวน ก็ตกมาเป็นกำลังของเล่าปี่ทั้งหมด ส่วนเล่าเจี้ยงต้องย้ายไปอยู่เมืองกองอั๋นชายแดนเกงจิ๋ว แต่เมื่อซุนกวนเข้ายึดเกงจิ๋ว เล่าเจี้ยงจึงถูกย้ายมาอยู่ที่กังตั๋งจนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 219 ที่เมืองจื้อกุ๋ย มณฑลเหอเป่ย
ที่มา:https://bit.ly/2HoouyY
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น